การจัดการเรียนการสอนการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study :IS)
การจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะและศักยภาพความเป็นสากล คือ เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ มีทักษะในการค้นคว้า แสวงหาความรู้และมีความรู้พื้นฐานที่จำเป็น สามารถคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิผล มีทักษะชีวิต สามารถร่วมมือทำงานกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี จะต้องมีกระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีลำดับขั้นตอนที่เหมาะสม และสอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น โดยมีกระบวนการสำคัญในการจัดการเรียนรู้ที่เรียกว่า “บันได 5 ขั้นของการพัฒนาผู้เรียนสู่มาตรฐานสากล (Five step for student development)” ได้แก่
1. การตั้งคำถาม/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)
เป็นการฝึกให้ผู้เรียน ให้มีความคิดสร้างสรรค์ เกิดการเรียนรู้ในการตั้งคำถาม (Learning to Question)
2. การสืบค้นความรู้และสารสนเทศ (Searching for Information)
เป็นการฝึกแสวงหาความรู้ ข้อมูล และสารสนเทศจากแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ตหรือจากการฝึกปฏิบัติ ทดลอง เป็นต้น ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ในการแสวงหาความรู้ (Learning to Search)
3. การสร้างองค์ความรู้ (Knowledge Formation)
เป็นการฝึกให้ผู้เรียนนำความรู้และสารสนเทศที่ได้จากการแสวงหาความรู้ มาถกแถลง อภิปราย เพื่อนำไปสู่การสรุปและสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct)
4. การสื่อสารและนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication)
เป็นการฝึกให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้มาสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีทักษะในการสื่อสาร (Learning to Communicate)
5. การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Public Service)
เป็นการนำความรู้สู่การปฏิบัติ ซึ่งผู้เรียนจะต้องเชื่อมโยงความรู้ไปสู่การทำประโยชน์ให้กับสังคม และชุมชนรอบตัวตามวุฒิภาวะของผู้เรียนและจะส่งผลให้ผู้เรียนมีจิตสาธารณะและบริการสังคม (Learning to Serve)
การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent
Study : IS)
การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามบันได 5 ขั้น
สามารถดำเนินการได้หลากหลายวิธีและการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สาระการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
(Independent Study : IS) นับเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่งที่ใช้อย่างกว้างขวางในการพัฒนาผู้เรียน
เพราะเป็นการเปิดโลกกว้างให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าอย่างอิสระในเรื่องหรือประเด็นที่ตนสนใจ
เริ่มตั้งแต่การกำหนดประเด็นปัญหา ซึ่งอาจเป็น Public Issue และ
Global Issue และดำเนินการค้นคว้าแสวงหาความรู้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย
มีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เพื่อนำไปสู่การสรุปองค์ความรู้ จากนั้นก็หาวิธีการที่เหมาะสมในการสื่อสารนำเสนอให้ผู้อื่นได้รับทราบ
และสามารถนำความรู้หรือประสบการณ์ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าไปทำประโยชน์แก่สาธารณะ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกนตลอดแนว ภายใต้สาระ “การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
(Independent Study : IS)” ซึ่งแบ่งเป็น 3
สาระ ประกอบด้วย
1.
IS1-การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge
Formation)
เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนกำหนดประเด็นปัญหา
ตั้งสมมติฐาน ค้นคว้าแสวงหาความรู้และฝึกทักษะการวิเคราะห์
สังเคราะห์และสร้างองค์ความรู้
2.
IS2-การสื่อสารและการนำเสนอ (Communication and Presentation)
เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้รับ
มาพัฒนาวิธีการถ่ายทอด/สื่อสารความหมาย/แนวคิดข้อมูลและองค์ความรู้
ด้วยวิธีการนำเสนอที่เหมาะสมหลากหลายรูปแบบและมีประสิทธิภาพ
3.
IS3-การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม (Social Service Activity)
เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนนำองค์ความรู้/ประยุกต์ใช้องค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติ
หรือนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เกิดบริการสาธารณะ (Public Service)
แนวทางการวัดและประเมินผล
1.
กรณีที่จัดบูรณาการสาระการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
ในรายวิชาพื้นฐานให้แยกเป็นหน่วยการเรียนรู้เฉพาะ
และประเมินผลการเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้ตามเกณฑ์ที่กำหนด
2. กรณีจัดเป็นรายวิชาเพิ่มเติม
รายวิชาการศึกษาและสร้างองค์ความรู้ (Knowledge and Research Formation – IS1)
และรายวิชาการสื่อสารและการนำเสนอ (Communication and
Presentation-IS2) ในระดับมัธยมศึกษาต้องประเมินผลและตัดสินผลการเรียนในระดับผลการเรียนนั้น
ๆ ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
3. การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม (Social Service
Activity : IS3) ซึ่งจัดไว้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรมเพื่อสาธารณประโยขน์)
เป็นการนำความรู้หรือประสบการณ์ที่ได้จากการเรียน IS1 และ IS2
มาใช้ในวัดและประเมินผลการวางแผนการปฏิบัติกิจกรรม
การปฏิบัติกิจกรรมตามแผนที่กำหนด และการสรุปรายงานผลการปฏิบัติกิจกรรม
โดยให้ผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น